เซรามิกลำปาง,จานเซรามิกลำปาง,กระถางเซรามิกลำปาง,ถ้วยเซรามิกลำปาง,ถ้วยกาไก่เซรามิคลำปาง,จานเซรามิกลำปาง
(ถนนระหว่างลำปาง – อำเภองาว “ศาลเจ้าพ่อประตูผา” เมื่อ พ.ศ.2495 ภาพโดย : บุญเสริม สาตราภัย / มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.สำนักหอสมุด) 
สวัสดีครับ เพื่อนๆทุกคน วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆไป เที่ยวกันที่ ศาลเจ้าพ่อประตูผาวีรชนที่ปกป้องรักษา จังหวัดลำปางครับ ไปดูประวัติกันก่อนดีกว่าครับ นานมาแล้วมีเรื่องเล่าถึงตำนานความศักดิ์สิทธิ์และวีรกรรมผู้กล้าของยอดขุนพลนักรบแห่งเมืองลำปาง                ผู้พลีชีพขับไล่ศัตรูพม่าด้วยความองอาจทรนง
             และนานมาแล้วที่เรื่องราวของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้ถูกค้นพบที่นี่                ไขปริศนาความลับแห่งประตูผา ดินแดนที่ได้ชื่อว่า ป่าศักดิ์สิทธิ์ ดอยวิเศษ                
                       เทือกเขาสูงตระหง่านกั้นดินแดนพื้นที่ระหว่างอำเภอเมืองและอำเภองาวจังหวัดลำปาง                  ทอดตัวเป็นแนวยาวคล้ายกับเป็นเสมือนกำแพงขนาดมหึมาที่ปิดงำ
            ปริศนาความลับไว้เนินนานหลายร้อยปีชื่อเสียงและความศักดิ์สิทธิ์ของประตูผายังคงแผ่กระจายออกไปด้วยในฐานะที่ดินแดนแห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่สร้าง
               วีรกรรมของเจ้าพ่อประตูผาหรือพญามือเหล็ก ยอดขุนพลเมืองเขลางค์นครในการพลีชีพขับไล่ศัตรูพม่าที่รุกรานแผ่นดิน                  ในตำนานเรื่องเล่าได้กล่าวถึงความ
            กล้าหาญ ของเจ้าพ่อประตูผาว่า ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2251 - 2275                  ได้มีชายผู้หนึ่งซึ่งเป็นชาวบ้านต้า ชุมชนหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้กับประตูผา             
            ชายผู้นี้ได้เล่าเรียนวิชาอาคมอยู่กับเจ้าอาวาสวัดนายางจนมีความสามารถใช้แขนเป็นกำบังแทนโล่ห์ได้                  ชาวบ้านต่าง ๆ ในหมู่บ้านขนานนามท่านว่า
            หนานข้อมือเหล็ก ต่อมาท่านได้เป็นทหารเอกของท้าวลิ้นก่าน เจ้าเมืองผู้ครองนครเขลางค์
ที่สักการะกราบไหว้ของลูกหลานชาวลำปางและผู้ที่เดินทางผ่านไปมาในบริเวณนี้
                       หากลองย้อนกลับในไปในอดีตเมื่อราว 5,000                  กว่าปีในยุคก่อนประวัติศาสตร์ และเห็นได้ว่าในบริเวณประตูผาแห่งนี้เคยมีการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มาก่อนแล้ว
            สังเกตได้จากการค้นพบภาพเขียนของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในแผ่นผาด้านหลังของดอยประตูผาเมื่อปี                  พ.ศ. 2531 โดยขณะที่กองพันรบพิเศษที่ 3
            ค่ายประตูผานำโดย ร.อ.ชูเกียรติ มีโฉม ได้นำกำลังทหารฝึกปฏิบัติการไต่เชือกในบริเวณหน้าผา                  กระทั่งต่อมาในปี พ.ศ. 2541 กรมศิลปากรโดยสำนักงาน
               โบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 6 เชียงใหม่ร่วมกับกองพันรบพิเศษที่                  3 ค่ายประตูผาได้ดำเนินการขุดค้นศึกษาทางโบราณคดีและคัดลอก
ภาพเขียนสีพบโครงกระดูกมนุษย์กับวัตถุโบราณ ยืนยันว่าแหล่งโบราณคดีแห่งนี้เป็นแหล่งฝังศพของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่สำคัญที่สุดในภาคเหนือ
            สันนิษฐานได้ว่ามีอายุอยู่ในราว 4,000 - 5,000 ปีมาแล้ว
                       ภาพเขียนสีที่แหล่งโบราณคดีประตูผา จำแนกออกได้เป็น                  7 กลุ่มตามลักษณะการเว้าของหน้าผา โดยมีความยาวของภาพเขียนทั้งสิ้นประมาณ                  300 เมตร
            ภาพบางส่วนมีร่องรอยถูกเขียนทับซ้อนกันไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ทำให้พื้นที่เขียนภาพมีลักษณะเป็นปื้นสีแดงหนา                  นอกจากนั้นยังมีภาพบางส่วนเลอะเลือน
            เนื่องจากการผุกร่อนตามกาลเวลาและจากการทำลายทั้งโดยธรรมชาติและน้ำมือของมนุษย์
                       อย่างไรก็ตามทางกรมศิลปากรสามารถคัดลอกภาพได้ถึง                  1,872 ภาพซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาพมือที่ทำด้วยเทคนิคต่าง ๆ ภาพบุคคลทั้งหญิงและชายที่แสดง             
            กิริยาท่าทางต่างกัน นอกจากนี้ยังพบภาพของสัตว์ต่าง ๆ เช่น วัว ม้า                  ลิง นกยูง เต่า เก้ง ผีเสื้อ กระต่ายและกระจง เป็นต้น และยังพบภาพของพิธีกรรมอีกด้วย
                       ภาพทั้ง 7 กลุ่มที่พบมีรายละเอียดแตกต่างกันไป                  ภาพกลุ่มที่ 1 "ผาเลียงผา" บริเวณนี้จะพบภาพมือภาพสัตว์คล้ายเต่า                  เก้งหรือเลียงผา ภาพภาชนะคล้ายชาม
            ภาพหน่อไม้ กลุ่มที่ 2 "ผานกยูง" จะพบภาพสัตว์คล้ายนกยูง                  เป็นภาพเด่นของกลุ่มและยังมีภาพตะกวด กระรอก บ่าง พังพอน ภาพบุคคล                  กลุ่มที่ 3 "ผาวัว"
               พบภาพวัวและกลุ่มคนแสดงท่าทางคล้ายกำลังประกอบพิธีกรรมอยู่ด้านหน้าของภาพสัตว์ขนาดใหญ่                  กลุ่มที่ 4 "ผาเต้นระบำ" พบภาพเล่าเรื่องของกลุ่มบุคคล             
            ทั้งหญิงและชาย โดยบุคคลผู้หญิงในภาพคนหนึ่งแสดงการเคลื่อนไหวคล้ายเต้นระบำ                  นอกจากนี้ยังพบภาพของคนกำลังวิ่งไล่จับวัว กลุ่มที่ 5 "ผาหินตั้ง"             
            พบภาพสัตว์คล้ายวัว ภาพสัญลักษณ์และภาพการประกอบพิธีกรรมการฝังศพในวัฒนธรรมหินตั้ง                  กลุ่มที่ 6 "ผางนางกางแขน" จะพบภาพมือ ภาพสัตว์คล้ายตัวตะกวด             
            วัว ผีเสื้อและนก นอกจากนั้นยังพบภาพผู้หญิงกำลังยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเหนือศรีษะ                  กลุ่มที่ 7 "ผาล่าสัตว์และผากระจง" พบภาพมือ ภาพสัตว์คล้ายกับกระจง
และภาพผู้ชายสองคนกำลังถือบ่วงแสดงการจับสัตว์ จากการศึกษาพบว่าภาพนี้ถูกเขียนขึ้นหลังจากการฝนหรือจารพื้นผนังหินเป็นร่อง ลึก สันนิษฐานได้ว่าชุมชน
               กลุ่มนี้อาจรู้จักการใช้โลหะและนำมาเป็นเครื่องมือในการขุดผนังหินแล้ว                  ซึ่งภาพเขียนสีทั้งหมดที่พบในบริเวณนี้เขียนขึ้นด้วยสีแดงที่ได้มาจากแร่เหล็กสีแดง             
            (Hematite) ซึ่งพบแทรกอยู่ในหินปูนและหินดินดาน สันนิษฐานว่านำมาจากดอยผาแดง                  ซึ่งเป็นเทือกเขาหินปูนขนาดใหญ่ ที่อยู่ห่างออกไปจากแหล่ง
            โบราณคดีประตูผา ทางตะวันออกประมาณ 5 กิโลเมตร
                       แหล่งโบราณคดีภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ประตูผาจังหวัดลำปาง                  ถือได้ว่าเป็นแหล่งพบภาพเขียนสีจำนวนมากและยาวต่อเนื่องที่สุดในภาคเหนือ             
            รวมทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแห่งใหม่ของจังหวัดลำปางอีกด้วย 
( ขอบคุณเนื้อหาดีๆจาก  supatrasorasing@hotmail.com )
เป็นยังไงกันบ้างครับ สำหรับเนื่อหาที่ผมนำมาฝากกันวันนี้ น่ายกย่องคนโบราณนะครับ ที่เค้าสามารถปกป้องรักษาดินแดนไว้ให้พวกเราได้มีที่อยู่กันถึงทุกวันนี้ ยังไงก็ฝากกันไว้นะครับ บ้านเมืองเราเราต้องรัก และหวงแหน อย่าให้สิ่งที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้ต้องสูญเสียครับ